เทคนิคการฉาบผนังให้เรียบ สวยงาม ไม่แตกร้าว มีวิธีการทำอย่างไร
งานฉาบ เป็นการตกแต่งผิวผนังให้เรียบร้อย ปกปิดชั้นอิฐที่ก่อไว้
ซึ่งจะช่วยทำหน้าที่ป้องกันความชื้นระหว่างสองด้านของผนัง
ขั้นตอนการฉาบปูนผนัง
1. รอผนังที่ก่อเซ็ทตัวอย่างน้อยเป็นเวลา
7 วัน โดยระหว่าง 7 วันนั้นให้มีการรดน้ำบ่มผนังอย่างต่อเนื่องด้วย
2. เช็คสภาพผิวผนังว่าอิฐยึดเกาะกันดี
ผนังไม่โอนเอนเคลื่อนไหวได้ หากผนังมีการโน้มเอียงหรือเว้ายุบ
จนเกินกว่าที่ปูนฉาบจะปิดผิวและทำให้ได้ระดับเท่ากัน (เมื่อฉาบไม่เกิน 2.5 เซนติเมตร) ให้สกัดส่วนเว้าแอ่นออก เพื่อลดโอกาสหลุดล่อนจากการฉาบที่หนาเกินไป
3. จับเซี้ยมและจับปุ่ม เพื่อเป็นการฉาบให้ได้ระดับ และความหนาที่เหมาะสม โดยสามารถดูได้จากภาพประกอบ ปูนซีเมนต์ผสม ก่อ ฉาบ เท มาผสมกับทรายให้มีส่วนของปูนเข้มขนกว่าการใช้งานทั่วไป เรียกว่า ปูนเค็ม
นอกจากนี้ควรมีการ
“สลัดดอก” หรือการสะบัดปูนลงบนผิวคานและเสาคอนกรีตเพื่อเพิ่มความขรุขระให้กับผิวก่อนฉาบด้วย
4. ติดลวดตะแกรง
หรือกรงไก่ บริเวณมุมวงกบประตูและหน้าต่าง
เพื่อลดโอกาสแตกร้าวจากการยืดหดตัวของปูนซีเมนต์ รวมถึงรอยต่อของวัสดุต่างชนิด
เช่น ระหว่างส่วนก่ออิฐกับเสาเอ็นและคานทับหลัง
ระหว่างร่องการเดินท่อเดินสายไฟซึ่งปิดทับด้วยปูนแล้วกับส่วนก่ออิฐ
5. ก่อนการฉาบ 1 วัน ให้มีการรดน้ำในช่วงเย็น จากนั้นก่อนทำการฉาบในวันถัดไปให้รดน้ำผนังในช่วงเช้า ทิ้งให้หมาดก่อนทำการฉาบ ห้ามฉาบขณะที่ผนังยังเปียกน้ำ เพราะจะทำให้ปูนไม่ยึดเกาะกับ
6. การฉาบชั้นแรก
สามารถเลือกใช้ปูนซีเมนต์ที่มีความหยาบกว่า ปูนซีเมนต์มอร์ตาร์ ฉาบทั่วไป
โดยควรฉาบไม่เกิน 1.5 เซนติเมตรเท่านั้น
เพราะจะต้องมีการฉาบในชั้นถัดไปเพี่อให้ผิวได้ระดับและเรียบเนียน
จากนั้นให้ใช้ไม้บรรทัดปาดปูนในการปรับผิวหน้าให้ได้ระดับ
หมายระยะตามที่จับเซี้ยมและจับปุ่มไว้ โดยสามเหลี่ยมปาดปูนจะทำหน้าที่เฉือนเนื้อปูนที่ล้นเกินจากระดับที่จับปุ่ม
และเซี้ยมไว้ และสามารถเติมเนื้อปูนในส่วนที่ยังพร่องไปได้
หรือหากเป็นผนังก่ออิฐมวลเบาสามารถใช้
ปูนซีเมนต์มอร์ตาร์ ฉาบอิฐมวลเบา ในการฉาบในชั้นนี้
เพื่อให้เนื้อปูนสามารถยึดเกาะกับอิฐมวลเบาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. การฉาบทับหน้า
เป็นการขึ้นปูนเนื้อละเอียด อย่าง ปูนซีเมนต์มอร์ตาร์ ฉาบละเอียด
จากนั้นทำการตีน้ำลงฟอง เพื่อให้ผนังเรียบเนียน
โดยใช้แปรงสลัดน้ำไปที่เนื้อปูนที่เริ่มแห้งหมาด ๆ
ใช้เกรียงไม้ลูบไปมาให้ทั่วเพื่อเกลี่ยเม็ดทรายที่ผสมอยู่ให้เรียงตัวเรียบ
เนียนเสมอกัน จากนั้นใช้ฟองน้ำที่ชุบน้ำและบิดจนแห้ง
ประกบบนเกียงไม้ลูบซ้ำอีกครั้งให้ทั่วผนัง ทั้งนี้
เมื่อรวมกับผิวชั้นก่อนหน้านี้ไม่ควรหนาเกินไปกว่า 2.5 เซนติเมตร
8. การบ่มผิว
ควรมีการรดน้ำผนังอย่างต่อเนื่องไปอีกวันละอย่างน้อย 1 ครั้ง
ติดต่อกัน 3 – 7 วัน หากอากาศร้อน มีแดดจัด หรือลมพัดแรง
จนทำให้ผนังเสียน้ำเร็วเกินไป ควรเพิ่มการรดน้ำเป็น 2-3 ครั้งต่อวัน
และยืดระยะเวลาการลดออกไป
อาจใช้การบังแดดลมด้วยการขึงผ้าใบช่วยในบริเวณที่สัมผัสกับอากาศที่รุนแรง
นอกจากนี้ยังมีวิธีการที่ทำให้ผนังเรียบเนียนเป็นพิเศษ
คือการใช้ปูนฉาบแต่งผิว ฉาบในชั้นสุดท้ายเมื่อผนังชั้นแรกแห้งตัว
และบ่มน้ำเสร็จแล้ว
เพื่อเป็นแนวทางในการทำงาน
สำหรับนักลงทุน ด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ต่อไปครับผม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น